วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
27 พ.ย. 67 - 04 ธ.ค. 67 | 79,000 บาท | 15,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
23.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เคาน์เตอร์สายการบิน Qatar Airways (QR) โดยท่านจะพบกับเจ้าหน้าที่ส่งทัวร์และหัวหน้าทัวร์ ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ แจกเอกสารการเดินทาง และอำนวยความสะดวกท่าน ขณะเช็คอินและโหลดสัมภาระ
02.10 น. ออกเดินทางสู่ “ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด” (Hamad International Airport) กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์โดยเที่ยวบินที่ QR837 (ใช้เวลาบินประมาณ 7.25 ชั่วโมง) (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
05.35 น. เดินทางถึงเดินทางถึงเดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด (รอเวลาสำหรับเปลี่ยนเที่ยวบินประมาณ 3.30 ชั่วโมง)
09.05 น. ออกเดินทางสู่ เมืองทบิลิซิ (TBILISI) ประเทศจอร์เจีย โดยเที่ยวบินที่ QR255 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.20 ชั่วโมง) (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.25 น. ถึงสนามบินทบิลิซิ (TBILISI) ประเทศจอร์เจีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง, ศุลกากรและรับสัมภาระ เรียบร้อย (เวลาท้องถิ่นของประเทศจอร์เจียช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 3 ชั่วโมง กรุณาปรับเวลาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่น เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อุทยานแดชบาชี (Dashbashi Canyon) (ระยะทาง 115ก.ม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.20 ชั่วโมง) นำท่านชม Daimond Bridge : Dashbashi Canyon Glass สะพานแขวนกระจกแก้ว ที่มีแถบรูปเพชรแขวนอยู่ตรงกลาง ยาว 240 ม.และสูงเหนือพื้นดิน 149 ม. สะพานถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มนักลงทุนแคสส์ (Kass Group) มีมูลค่าประมาณ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,400 ล้านบาท สะพานมีลักษณะโปร่งใส ตั้งทอดยาวข้ามอนุสาวรีย์ธรรมชาติ ท่านสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันกว้างไกล และมุมมองที่สวยงามของน้ำตก และถ้ำ สะพานที่สร้างจากเหล็กและแก้ว ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี โดยจุดเด่นคือโครงสร้างแขวนที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมีแถบรูปเพชร แขวนอยู่ตรงกลาง สามารถเดินเข้าไปภายในเพื่อรับชมทัศนียภาพรอบๆ พร้อมทั้งยังสามารถโหนสลิง เพื่อปั่นจักรยานข้ามหุบเขาและชงชาของหน้าผาได้ (ไม่รวมในค่าทัวร์)
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก KASS DIAMOND หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม วิหารบอดบี (Bodbe Monastery) ซึ่งเป็นวิหารของชาวจอร์เจียนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออโธ ดอกซ์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 และมีการต่อเติมขึ้นมาอีกครั้ง วิหารบอดบี (Bodbe Monastery) ตั้งอยู่ที่เมืองซิกนาลี (Sighnaghi) เมืองเล็กๆบนภูเขาที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาคอเคซัส ได้รับสมญานามว่าเป็นทัสคันแห่งจอร์เจีย เมืองนี้ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมยุคกลางแบบเก่าภายในตัวเมืองไว้ได้ดีเยี่ยม ปัจจุบันมีคริสตศาสนิกชนเดินทางมาแสวงบุญกันที่นี่อยู่ตลอด
จากนั้นเดินทางสู่ Sighnaghi อยู่ทางตะวันออกของประเทศจอร์เจีย เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เล็กที่สุดในประเทศจอร์เจียเลยก็ว่าได้ ที่นี่ตั้งอยู่บนเทือกเขาที่สูง 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้ในวันที่ฟ้าสว่างสามารถเห็นเทือกเขาคอเคซัสได้ด้วยเช่นกัน อาคารบ้านเรือนดูเก่าแก่โบราณในสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม เพราะถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 9 และได้มีการปรับปรุงอีกครั้งในช่วง ศตวรรษที่ 17 เพราะฉะนั้นความเก่าแกคลาสสิคที่เห็นนั้นเป็นของแท้อย่างแน่นอน วิวทิวทัศน์ต่างๆก็สวยงามจนแทบจะหาที่ติไม่ได้ และมีคู่รักมากมายที่ตกหลุมรักเมืองนี้ และมาจัดงานแต่งงานกันที่นี่ ทำให้เมือง Sighnaghi มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า The city of Love แห่งจอร์เจีย และอีกอย่างที่ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังนั่นก็เพราะว่าเมืองเเห่งนี้ ถือว่าเป็นเมืองที่ผลิตไวน์ชั้นยอดของโลก หรือเรียกว่าดี และมีคุณภาพมากที่สุดในประเทศจอร์เจียนั่นเอง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านสู่ Khareba Winery ลิ้มรสไวน์ที่ดีที่สุดในจอร์เจีย ชิม Wine Testing ชนิดของไวน์แต่ละชนิด และทดลองทำขนมปังสไตล์จอร์เจียน( Master Class Of Georgian bread) เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการผลิตไวน์แบบจอร์เจียดั้งเดิมในภาชนะดินเผา และชิมไวน์ที่โรงบ่มไวน์หลายแห่ง รับประทานอาหารกลางวันแบบจอร์เจียนแบบดั้งเดิมในโรงกลั่นเหล้าองุ่น Khareba Winery เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงโดยอนุรักษ์พันธุ์องุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและวิธีการผลิตไวน์แบบดั้งเดิมบริษัทเป็นเจ้าของพื้นที่ปลูกองุ่นและผลิตไวน์กว่า 1,500 เฮกตาร์ในพื้นที่ปลูกองุ่นซึ่งปลูกองุ่นพันธุ์จอร์เจียและพันธุ์ยุโรป ไร่องุ่นแห่งนี้โดดเด่นเป็นพิเศษเนื่องจากมีองุ่นพันธุ์จอร์เจียเฉพาะถิ่นมากกว่า 300 พันธุ์ ปัจจุบัน บริษัทผลิตไวน์หลากหลายชนิด นอกจากนี้ Khareba Winery ยังผลิตไวน์สปาร์กลิง บรั่นดีไวน์ ชาชา และน้ำมันเมล็ดองุ่น โดยรวมแล้ว บริษัทผลิตผลิตภัณฑ์มากกว่า 50 ชนิดจากองุ่นมากถึง 30 ชนิด
ชมห้องเก็บไวน์ในจอร์เจียตะวันออก ภูมิภาคคาเคติ ปัจจุบันกระบวนการผลิตไวน์ดำเนินการโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ไวน์บรรจุขวดของโรงกลั่นไวน์ Khareba ถูกเก็บไว้ในอุโมงค์ไวน์ซึ่งมีความยาว 7.7 กม. ถ้ำประกอบด้วยอุโมงค์หลัก 2 แห่งและอุโมงค์เชื่อมต่อ 13 แห่ง ทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่งใช้สำหรับการท่องเที่ยว ในขณะที่ทางเข้าอีกแห่งใช้สำหรับการดูแลและบ่มไวน์ที่เก็บไว้ในภาชนะโลหะและไม้โอ๊ค ในส่วนนี้ สามารถชมห้องเก็บไวน์บรรจุขวด ซึ่ง "โรงกลั่นไวน์ Khareba" บรรจุไวน์คุณภาพดีที่สุดได้ถึง 27,000 ขวด อุณหภูมิตามธรรมชาติในถ้ำอยู่ที่ประมาณ 14-16° C ตลอดทั้งปี ไวน์สะสมที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุ 19 ปี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตราคาร
ที่พัก Radisson Tsinandali หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองอันนานูรีเพื่อชม ป้อมปราการอนานูรี (ANANURI FORTRESS COMPLEX) (80 กิโลเมตร) ก่อนจะถึงป้อมปราการจะสังเกตเห็น ทะเลสาบและ อ่างเก็บน้ำจินวาลี่ (ZHINVALI OR JINVALI LAKE OR JINVALI WATER RESERVOIR) อยู่ด้านล่างของป้อมปราการ โดยอางเก็บน้ำสร้างขึ้นในปี 1980 โดยรัฐบาลโซเวียต ในช่วงฤดูหนาวเมื่อน้ำลดลงจะเห็นซากเมืองเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำ โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา เดินทางมาถึงยังป้อมอันนานูรี (Ananuri Fortress) ป้อมปราการเก่าแก่ มีกำแพงล้อมรอบตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี ถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่16-17 ชมความงดงามขอโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่ภายในกำแพง ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิ้น ภายในยังมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เห็นทัศนีย์ภาพทิวทัศน์อันสวยงามด้านล่างจากมุมสูงของป้อมปราการนี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านออกเดินทางไปยังเมืองกูดาอูรี (Gudauri) ไปตามทางเส้นทางหลวงที่สำคัญของจอร์เจียที่มีชื่อว่า Georgian Military Highway หรือเส้นทางสำหรับใช้ในด้านทหาร ถนนสายนี้เป็นถนนสายสำคัญที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยที่จอร์เจียอยู่ภายใต้การควบคุมจากสหภาพโซเวียต เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลักในการข้ามเทือกเขาคอเคซัสจากรัสเซียมายังที่ภูมิภาคนี้ ถนนแห่งประวัติศาสตร์นี้เป็นเส้นทางที่จะนำท่านขึ้นสู่เทือกเขาคอเคซัส (Caucasus Mountain) เป็นเทือกเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรป และเอเชีย ประกอบด้วย 2 ส่วน คือเทือกเขาคอเคซัสใหญ่ และเทือกเขาคอเคซัสน้อย ที่มีความยาวประมาณ 1,100 กม. ที่เป็นเส้นกั้นระหว่างพรมแดนรัสเซียกับจอร์เจีย นำท่านชม อนุสรณ์สถานรัสเซีย-จอร์เจีย(Memorial of Friendship) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Russia–Georgia Friendship Monument เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1983 เพื่อเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซีย โครงสร้างทั้งหมดทำมาจากหินและคอนกรีต ภายในมีการวาดภาพประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซียไว้อย่างสวยงาม ให้ท่านได้อิสระถ่ายรูปบรรยากาศและทิวทัศน์อันสวยงาม
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยังเมืองคาซเบกี้ (Kazbegi) หรือปัจจุบันเรียกว่า เมืองสเตปันสมินดา(Stepansminda) ชื่อนี้เพิ่งเปลี่ยนเมื่อปี 2006 หลังจากนักบุญนิกายออร์โธด๊อก ชื่อ สเตฟาน ได้มาพำนักอาศัยและก่อสร้างสถานที่สำหรับจำศีลภาวนาขึ้น เมืองนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงทบิลิซี ประมาณ 157 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวบนเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) ที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย มีภูมิทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวของยอดเขาคาซเบกี้อีกด้วย จากนั้นนำท่านขึ้นรถ 4WD (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ) เพื่อเข้าสู่ใจกลางหุบเขาคอเคซัส(Caucasus) นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) หรือเรียกว่าโบสถ์สมินดา ซาเมบา (Tsminda Sameba) สร้างด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นโบสถ์ชื่อดังกลางหุบเขาคอเคซัส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญหนึ่งของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนเทือกเขาคาซเบกี้ ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 2,170 เมตร (***ในกรณีที่มีหิมะตกหนัก จนไม่สามารถเดินทางได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ ปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามความเหมาะสม***)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตราคาร
ที่พัก The Room Kazbegi หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหาร ของโรงแรม
นำท่านเดินทางต่อสู่เมืองกอรี(Gori) โดยเมืองนี้เป็นเมืองบ้านเกิดของ โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) ชาวจอร์เจียที่ในอดีตเป็นผู้ปกครองสหภาพโซเวียต ในยุคศตวรรษที่ 1920 ถึง 1950 และมีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยมในการปกครองในเมืองกอรีแห่งนี้ นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ของท่านสตาลิน (Musuem of Stalin) ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราว และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ของสตาลินเอาไว้ รวมไปถึงตัวอาคารที่สตาลินเกิด
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองอัพลิสต์ชิเคห์ (Uplistsikhe) ซึ่งเป็นเมืองถ้ำเก่าแก่ของจอร์เจีย ในอดีตเป็นเส้นทางการค้าขายสินค้าจากอินเดียไปยังทะเลดำและต่อไปถึงทางตะวันตก ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนเหนือ ส่วนกลาง และส่วนใต้ ซึ่งส่วนกลางจะเป็นบริเวณที่ใหม่ที่สุด ประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างตัดหินและเจาะลึกเข้าไปเป็นที่อยู่อาศัย ถ้ำส่วนมากจะไม่มีการตกแต่งภายในใดๆ และยังมีห้องต่างๆ ซึ่งคาดว่าเป็นโบสถ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ให้ท่านอิสระชมหมู่บ้านที่สร้างขึ้นจากถ้ำนี้ตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองบอร์โจมี (Borjomi) ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศเล็กๆในหุบเขาทางตอนใต้ของประเทศจอร์เจีย มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 15,000 คน บอร์โจมีเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านน้ำแร่ระดับโลก เพราะมีลำธารน้ำที่ใส บริสุทธิ์ที่ไหลมาจากยอดเขาบาคูเรียนี (Bakuriani Mountain) ที่มีความสูงประมาณ 2,300 เมตร ที่ถูกค้นพบโดยนายทหารรัสเซีย โดยในอดีตชาวเมืองเชื่อกันว่าถ้าดื่มน้ำนี้จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถรักษาโรคร้ายได้ และต่อมาได้เริ่มมีการตั้งโรงงานผลิตและส่งออกน้ำแร่ยี่ห้อบอร์โจมี (Borjomi) ที่มีชื่อเสียงไปยังประเทศต่างๆ มากมาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตราคาร
ที่พัก Borjomi Likani หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหาร ของโรงแรม
นำท่านเข้า ชมสวนบอร์โจมี่ (BORJOMI CITY PARK) สถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนของชาวเมืองบอร์โจมี่ ที่ นิยมมาเดินเล่นและผ่อนคลายโดยการแช่น้ำแร่ในวันหยุด จากนั้นนำท่านขึ้นกระเช้าสู่จุดชมวิวบนหน้าผาเหนือ สวนบอร์โจมี อิสระให้ท่านเก็บภาพวิวทิวทัศน์ธรรมชาติจากมุมสูงตามอัธยาศัย พร้อมนั่งกระเช้า ขึ้นยอดเขา เพื่อชมความงามของหุบเขา และสวนโดยรอบ เป็นเมืองตากอากาศเล็กๆทางในหุบเขาทางตอนใต้ของประเทศ จอร์เจียมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 15,000 คน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องน้ำแร่ โดยได้มีการบรรจุ ณ ธารน้ำแร่บริสุทธิ์ไหลรินจากยอดเขาบาคุเรียนี (BAKURIANI MOUNTAIN) และส่งออกไปขายกว่า 40 ประเทศทั่วโลกโดยในอดีตชาวเมืองเชื่อกันว่าจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถรักษาโรคร้ายได้
นำท่านเยี่ยมชม ชิมไวน์ที่ Chateau Mukhrani Royal Chateau โรงบ่มไวน์แห่งแรกของจอร์เจียที่ที่ดีที่สุดในจอร์เจีย สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงบ่มไวน์ที่ดีที่สุดในจอร์เจีย Chateau Mukhrani ผลิตไวน์ธรรมชาติชั้นดีโดยใช้กรรมวิธีแบบจอร์เจียนดั้งเดิมที่สืบทอดมาหลายพันปี รวมถึงไวน์ยุโรปคุณภาพอื่นๆ ไร่องุ่นแห่งนี้มีพื้นที่ 100 เฮกตาร์ซึ่งได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันเพื่อให้แน่ใจว่าองุ่นที่ผลิตได้มีคุณภาพสูงสุดและอุดมสมบูรณ์ที่สุด Chateau Mukhrani ยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร 'Samepo Marani 1878' ซึ่งเสิร์ฟอาหารจอร์เจียชั้นดีด้วยวัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่น และไวน์ของที่นี่ได้รับรางวัลและการแข่งขันระดับนานาชาติในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยยังคงขยายตัวในตลาดทั้งในท้องถิ่นและต่างประเทศ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่มิชเคห์ตา (Mtskheta) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของจอร์เจีย ในช่วงศตวรรษที่ 5 ถือว่ารุ่งเรืองอย่างมาก เมืองนี้ เป็นเมืองเล็กๆ แต่มีความสวยงาม มีแม่น้ำที่บรรจบกันเป็นแม่น้ำสองสี คือ แม่น้ำอักราวิ (Aragvi) และแม่น้ำมิกวาริ (Mtkvari) และอาคารบ้านเรือน ยังมีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมยุคกลาง
วิหารสเวติสเคอเวรี (Svetitskhoveli Cathedral) สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 11 โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวจอร์เจีย ชื่อ Arsukisdze ตัววิหารมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อหันมานับถือศาสนาคริสต์ และให้ศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาประจำชาติของจอร์เจียเมื่อปี ค.ศ. 337 และถือเป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย
วิหารจวารี (Jvari Monastery) วิหารแห่งนี้ ได้ถูกสร้างตามแบบคริสต์จอร์เตียนออร์โธดอกซ์ สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 6 เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนยอดเขาของเมือง มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ติดกับแม่น้ำ Kura กับแม่น้ำ Aragvi ไหลมาบรรจบกัน ซึ่งจะได้เห็นแม่น้ำสองสี จากมุมวิหาร
เดอะ โครนิเคิล ออฟ จอร์เจีย (The Chronicle of Georgia) ที่นี่คือ อนุสรณ์แห่งประวัติศาสตร์ของจอร์เจีย ที่ตั้งโดดเด่นบนยอดเขานอกเมืองทบิลิซี ซึ่งตัวอนุสรณ์มีขนาดที่ใหญ่โตมากๆ มองเห็นได้แต่ไกล ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1985 โดยจะบอกเล่าเรื่องราวของประเทศจอร์เจีย ผ่านเสาหินขนาดใหญ่ 16 ต้น แต่ละต้นมีความสูงถึง 35 เมตร แม้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เสาหินแห่งนี้จะยังสร้างไม่สมบูรณ์ แต่ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่คนนิยมมาเที่ยวกันมาก แถมนยังมีจุดชมวิวเมือง และทะเลสวยได้อย่างชัดเจน
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Hotel Clock หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหาร ของโรงแรม
นำท่านชมเมืองทบิลิซี (Tbilisi) โดยเมืองทบิลิซีนั้น เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของจอร์เจีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูรา (Kura) หรือเรียกว่า แม่น้ำมตควารี (Mtkvari) ในภาษาท้องถิ่น ทบิลิซิ มีเนื้อที่ประมาณ 372 ตร.กม. และมีประชากรประมาณ 1.1 ล้านคน เมืองนี้ถูกสร้างโดย วาคตัง จอร์กาซาลี (Vakhtang Gorgasali) กษัตริย์จอร์เจียแห่งคาร์ตลี (ไอบีเรีย) ได้ก่อตั้งเมืองนี้ขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 4 เมืองทบิลิซิเป็นศูนย์กลางการทำอุตสาหกรรม สังคมและวัฒนธรรมในภูมิภาคคอเคซัส ในประวัติศาสตร์เมืองนี้อยู่ในสายทางหนึ่งของเส้นทางสายไหม และปัจจุบันยังมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางการขนส่งและการค้า เนื่องจากความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในแง่ที่ตั้งที่เป็นจุดตัดระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป นำท่านเข้าชม วิหารศักดิ์สิทธิ์ของทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral) ที่เรียกกันว่า Sameba เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรออร์โธดอกจอร์เจียตั้งอยู่ในทบิลิซีเมืองหลวงของจอร์เจีย สร้างขึ้นระหว่างปี 1995 และปี 2004 และเป็นวิหารที่สูงที่สุด อันดับที่ 3 ของโบสถ์ออร์โธด็อกในโลก
นำท่านชม โบสถ์เมเคตี (Metekhi Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาที่เบื้องล่างเป็นแม่น้ำมิตคาวารี ในอดีตถูกใช้เป็นป้อมปราการ และที่พำนักของกษัตริย์ ในบริเวณเดียวกัน
หลังจากนั้นนำท่านขึ้น กระเช้าไฟฟ้าชมป้อมนาริกาลา(Narikala Fortress) ซึ่งเป็นป้อมปราการหินโบราณขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนเนินเขา สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 ผ่านผู้ปกครองมาหลายยุคหลายสมัยที่ต่างผลัดกันเข้ามารุกรานนครเล็กๆ บนเส้นทางสายไหมแห่งนี้ ราชวงศ์อุมัยยัดของชาวอาหรับได้ต่อเติมป้อมในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 ต่อมาพวกมองโกลตั้งชื่อให้ใหม่ว่า Narin Qala แปลว่าป้อมน้อย (Little Fortress) นักประวัติศาสตร์ยกย่องว่าป้อมนาริกาลาเป็นป้อมแห่งหนึ่งบน เส้นทางสายไหมที่แข็งแกร่งและตีได้ยากที่สุด
จากนั้นนำท่านถ่ายรูป อนุสาวรีย์มารดาแห่งจอร์เจีย (MOTHER OF GEORGIA) อนุสาวรีย์สัญลักษณ์สำคัญที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองราวกับกำลังเฝ้ามองผู้คน มีอีกชื่อหนึ่งคือ มารดาคาร์ทลิส และ คาร์ทลิส เดดา เป็นประติมากรรมที่ตั้งอยู่บนยอดเยาโซโลลากีเพื่อฉลองที่ทบิลิซีครบครอบ 1,500 ปี
จากนั้นนำท่านชมโรงอาบน้ำโบราณ หรือ อะบานู อุบานิ (Abanotubani) เป็นสถานที่สาหรับแช่น้ำพุร้อนที่มีแร่ถามะถัน ตามตำนานเล่าขานว่าในสมัยพระเจ้าวัคตังที่ 1 กอร์กัซลี่ นกเหยี่ยวของพระองค์ได้ตกลงไปในบริเวณดังกล่าว จึงทำให้ค้นพบบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ขึ้น ลักษณะคล้ายโรงอาบน้ำเหมือนกับการออนเซ็นของชาวญี่ปุ่นผสมรวมกับการอาบน้ำแบบตุรกี หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ถนนชาดินี่ (Shardini Street) ถนนคนเดินย่ายเมืองเก่า เป็นแหล่งศูนย์รวมทางวัฒนธรรมและสังคมของกรุงทบิลิซี อิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย
หลังจากนั้นนำท่านถ่ายภาพกับสะพานสันติภาพ (Bridge Of Peace) สะพานข้ามแม่น้ำคูราที่ใช้เชื่อมระหว่างตัวเมืองเก่าและตัวเมืองใหม่ โดยตัวสะพานเป็นเหล็กและกระจกใสมีความยาว 150 เมตร เปิดใช้งานเมื่อปี 2010 ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่สวยงามของจอเจียร์
โรงละครหุ่นเชิดแห่งแรกของเมืองทบิลิซี ที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 1981 โดย “เรโซ กาเบรียลเซ” (Revaz Rezo Gabriadze) ศิลปินชื่อดังของจอร์เจีย ผู้มีสมญานามว่า “สมบัติประจำชาติของจอร์เจีย” จุดเด่นของโรงละครแห่งนี้อยู่ที่รูปแบบสถาปัตยกรรมที่แปลกแหวกแนว โดยเฉพาะหอนาฬิกาที่ออกแบบแปลกไม่ซ้ำใคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดจำหน่ายตั๋ว ที่รู้จักกันในชื่อ “หอนาฬิกาบิดเบี้ยว” (Clock Tower) โดยทุกๆ ชั่วโมง เมื่อเข็มนาทีเลื่อนไปชี้ที่เลขโรมัน XII (12) รูปปั้นนางฟ้าที่อยู่ชั้นบนสุดของหอนาฬิกาจะเปิดประตูออกมาทักทายผู้คนที่ระเบียง ก่อนจะใช้ค้อนคู่ใจตีระฆังดังเหง่งหง่างบอกเวลา ราวกับอยู่ในโลกเทพนิยาย
โบสถ์ซิโอนิ หรือวิหารซิโอนี (Tbilisi Sioni Cathedral) ตั้งอยู่ที่เมืองทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย เป็นมหาวิหารเก่าแก่ที่สุดของเมือง สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 11 ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 6-7 และต่อมาก็ได้ถูกทำลายลงโดยผู้ที่บุกรุกแต่ก็ได้มีการสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งด้วยกัน จนกระทั่งเป็นโบสถ์ที่ได้เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ และได้มีการบูรณะในช่วงศตวรรษที่ 17-19 นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมกับภาพจิตรกรรมและประติมากรรมที่เก่าแก่งดงามมากมาย และเป็นสถานที่พำนักแห่งสุดท้ายของพระสังฆราชแห่งคริสตจักรของจอร์เจียหลายพระองค์อีกด้วย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน (อาหารกล่อง)
ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินทบิลิซี
14.55 น. ออกเดินทางสู่ ออกเดินทางสู่ “ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด” (Hamad International Airport) กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์โดยเที่ยวบินที่ QR256 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.05 ชั่วโมง) (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) ***ในกรณีที่ให้ทางบริษัทเป็นผู้จองตั๋วเครื่องบิน
17.00 น. เดินทางถึงเดินทางถึงเดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัด (รอเวลาสำหรับเปลี่ยนเที่ยวบินประมาณ 2.40 ชั่วโมง)
19.40 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ QR838 มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง (ใช้เวลาบินประมาณ 6.30 ชั่วโมง)
05.35 น. เดินทางถึงเดินทางถึงเดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ
เลขที่ 259/68 หมู่บ้านเฌอคูน ถ.สวนผัก แขวง/เขต ตลิ่งชัน กทม 10170